ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์โต้ สธ. หลังจากที่ยืนยันว่า ฟาวิพิราเวียร์ มีพอ ชี้พอแค่ตัวเลข ถ้าใช้วันละ 2 ล้านเม็ด แปลว่าเฉลี่ย รพ.มีใช้ 40 คนต่อวัน เพจเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก โต้ตอบองค์การเภสัชกรรม หลังจากที่ทาง องค์การเภสัชฯ แถลงว่ายืนยันว่า ฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ และมีอยู่ในสต็อค 22.8 ล้านเม็ด
โดยทางชมรมแพทย์ชนบทระบุว่า “เมื่อแพทย์ชนบทสะท้อนเสียงภาวะการขาดแคลนฟาวิพิราเวียร์
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 (เมื่อวาน) ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ และเมื่อสิ่งที่สะท้อนเป็นความจริง จึงมีการแชร์และการคอมเม้นท์ทั้งในเพจชมรมแพทย์ชนบทและเพจอื่นๆอย่างหนาแน่น เสียงสะท้อนของประชาชนนั้นยิ่งชัดเจนว่า ที่ผ่านมาในเดือนมีนาคม โรงพยาบาลต่างๆมียาฟาวิที่จำกัดและไม่เพียงพอจริง
แต่ปรากฏการณ์สะท้อนกลับก็ชัดเจนว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ของกระทรวงบางคนไม่ยอมรับเสียงสะท้อนความจริงจากพื้นที่ มีปฏิกิริยาเชิงอำนาจ บอกทันควันว่ายาเพียงพอ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณกดทับต่อข้าราชการไม่ให้ออกมาบอกความจริง แทนที่จะเปิดกระบวนการร่วมแก้ปัญหาฉันพี่ฉันน้อง เพื่อสู้กับโอไมครอนที่ระบาดหนัก
วันนี้องค์การเภสัชกรรมออกมาแถลง ว่ามีส่งมอบยาครบตามจำนวนที่กระทรวงสาธารณสุขสั่งซื้อมา ภาพรวม สธ.แจ้งว่ายาไม่ขาด มีพอ ทั้งในวันที่ 28 มีนาคม มีในสต็อค 22.8 ล้านเม็ด (จริงๆคงน้อยกว่าน้อย เพราะ key ตัดสต็อคไม่ทัน) มีการใช้ฟาวิอยู่ที่วันละ 2 ล้านเม็ด หรือเท่ากับ 40,000 คนต่อวัน (โดยทั่วไปจะได้ยาคนละ 50 เม็ด) ส่วนองค์การเภสัชกรรมส่งมอบยาได้เฉลี่ยเท่ากับวันละกี่เม็ด สม่ำเสมอแค่ไหน อันนี้แถลงไม่ชัดเจน บอกเพียงว่าสำรองยาสั่งมา 110 ล้านเม็ดในช่วงโอไมครอนนี้
ขอเรียนให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงทราบว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆก็จ่ายยาฟาวิพิราวียร์ตามแนวทางเวชปฏิบัติของกรมการแพทย์อยู่แล้ว ไม่ได้จ่ายมั่วหรือจ่ายทุกราย จะจ่ายยาเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์และคนที่มีอาการมากเช่นไข้สูงต่อเนื่อง ออกซิเจนในเลือดลดลง เป็นต้น ซึ่งโดยรวม จะมีประมาณ 20-25% ของผู้ติดเชื้อที่ควรต้องได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ตามเกณฑ์
ดังนั้นหากมียาเข้าระบบวันละ 1 ล้านเม็ด จะดูแลผู้ป่วยได้ 20,000 คน เรามี 1,000 โรงพยาบาลรัฐ แปลว่าในแต่ละวันเฉลี่ยจะมียาฟาวิสำหรับผู้ป่วยได้วันละ 20 คนต่อโรงพยาบาลซึ่งน้อยมาก หากมียาเข้าระบบ 2 ล้านเม็ดและสม่ำเสมอจริง เฉลี่ยแต่ละโรงพยาบาลรัฐก็จะมียาใช้ 40 รายต่อวัน ไม่ได้มากมายอะไรกับการระบาดที่หนักหน่วงในขณะนี้ ดังนั้น ภาพรวมที่ว่ายาพอนั้นก็จริงจากตัวเลข แต่ความจริงคือมีความขาดแคลนกว้างขวางในหลายพื้นที่ และที่สำคัญคือ ไม่รู้ว่าอีกกี่วันยาจะมาเติมให้อีก
อย่างไรก็ตาม ทางชมรมแพทย์ชนบทก็เห็นสัญญาณที่ดีของพี่ๆผู้บริหารในกระทรวง ที่เร่งช่วยกันแก้ปัญหา และเชื่อว่าปัญหายาฟาวิพิราเวียร์ขาดแคลนจะยุติลงในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะปัจจุบันเรายังมีอีกหลายปัญหาที่ไม่เคยเกิดก็เกิด อาทิ แม้แต่พาราเซตามอล ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอก็ขาดแคลน สั่งซื้อแล้วไม่มีของจะส่งให้กับโรงพยาบาล ต้องรอคิว ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยในอดีตห้าสิบปีที่ผ่านมา”
ระวัง! อัยการเตือน ค่าปรับทำร้ายร่างกาย ขึ้นจาก 500 เป็น หมื่น
อัยการ เตือนคนหัวร้อน ระวังต้องจ่ายแพง หลัง ค่าปรับทำร้ายร่างกาย ขึ้นจาก 500 เป็น หมื่น แล้ว ย้ำวลี ขอตบซ้ำยินดีจ่าย 1,000 จบไปแล้ว นาย โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เตือนสติประชาชนโดยเปรียบเทียบกับกรณีที่ วิล สมิธ นักแสดงชื่อดังตบหน้า คริส ร็อก กลางงานออสการ์ตามที่รายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
โดยนายโกศลวัฒน์ ระบุว่า “ตบ..ต่อย แบบไทยเมื่อก่อนปรับ 500 ขอตบซ้ำอีกทียินดีจ่าย 1000 คำพูดนี้จบไปแล้ว ในสังคมไทย เดี๋ยวนี้โทษสูงขึ้น แต่รายได้อาจไม่สูงขึ้นตามอัตราโทษปรับที่สูงขึ้น คำพูดนี้คิดใหม่ได้แล้ว ตบ..ต่อย 1 ครั้ง ปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท ขอตบซ้ำอีกทีปรับสูงสุดถึง 20,000 บาท
เตือนสติพวกหัวร้อน อย่าคิดว่ามีตังจ่ายค่าปรับ กฎหมายแก้ไขแล้วปรับแพงขึ้น ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่คนไทย..ไม่ขึ้น แถมลดลง กฎหมายอาญามาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ…. เดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาทเปลี่ยนขึ้นเป็นปรับไม่เกิน 10,000 บาท ถ้าไม่มีเงินค่าปรับก็กักขังแทนค่าปรับ วันละ 500 บาท เข้าห้องขังกันไป ส่วนฝรั่งตบกันใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องของเขา เรามาว่าของเราแบบไทย
กฎหมายต้องการให้คนไม่ทำร้ายร่างกายกัน ไม่ใช้กำลังข่มเหงรังแกหรือตัดสินกันเอง มีปัญหาต้องแก้ปัญหาด้วยกฏหมายคือไปแจ้งความดำเนินคดี ย้ำว่าไปโรงพักแจ้งความครับ หากใช้อารมณ์แก้ปัญหาเองในที่เกิดเหตุ ตบสวนไป ชกสวนไป เชิญไปโรงพัก ไม่จบไปขึ้นศาลต่อ จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท ถ้าบาดเจ็บ เจ็บสาหัส โทษสูงขึ้นตามลำดับ ใช้สติอย่าใช้อารมณ์ ไม่นำความเดือดร้อนความทุกข์มาสู่ตนเองและครอบครัว ไม่ต้องมาเสียใจและขอโทษกันภายหลัง”
Credit : mobidig.net monitorfinanceiro.net morfisbixur.com museodeartesbegijar.com nazarail.com nostalgiajunkie.net nycbikecommute.com oeilduviseur.com originalparfumea.com parentsagainstcancerla.org